“พระจุฑาธุชราชฐาน  เกาะสีชัง” พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้สร้างและสถาปนาขึ้นเป็นพระราชวังในปี พ.ศ. 2432 และปรับเปลี่ยนใช้เป็นส่วนราชการต่าง ๆ มาเป็นระยะเวลานาน ต่อมาในปี พ.ศ. 2521 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้รับมอบสิทธิการใช้ที่ดินในเขตพระราชฐานดังกล่าวและเมื่อกรมศิลปากรประกาศขึ้นทะเบียนพระจุฑาธุชราชฐาน เกาะสีชัง เป็นโบราณสถานของชาติ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจึงได้ดำเนินการบูรณะพื้นที่ร่วมกับกรมศิลปากรเรื่อยมา ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2533 และเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ และแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ในปี พ.ศ. 2547

หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดคลี่คลายลงในปี พ.ศ. 2565 พิพิธภัณฑ์ฯ กลับมาเปิดบริการแก่นักท่องเที่ยวตามปกติ โดยภูมิทัศน์ภายนอกยังคงได้รับการดูแลให้มีความสมบูรณ์ สวยงามดังเดิม พร้อมทั้งปรับปรุงภูมิทัศน์ ป้ายบอกทางและป้ายอธิบายสถานที่ รวมทั้งนิทรรศการชุดใหม่ ณ เรือนไม้ริมทะเล และเรือนวัฒนา ซึ่งสวยงาม น่าสนใจยิ่ง ทั้งนี้มีการจัดทำคำบรรยายสองภาษา ทั้งภาษาไทย -ภาษาอังกฤษ อีกด้วย

พิพิธภัณฑ์ฯ จัดกิจกรรมสนับสนุนการเรียนรู้ตลอดชีวิตแก่เยาวชนท้องถิ่น โดยเฉพาะด้านประวัติศาสตร์ของโบราณสถานสำคัญ เพื่อสร้างความภาคภูมิใจ ความรักถิ่นกำเนิด สนับสนุนการอนุรักษ์และสร้างจิตสำนึกในการใช้ทรัพยากรทางทะเลอย่างรู้คุณค่า รวมทั้งร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ในการส่งเสริมการอนุรักษ์และสืบสานศิลปวัฒนธรรม ประเพณี ของชุมชนชาวเกาะสีชังอย่างสม่ำเสมอ อาทิ

1) งานวันสถาปนาพระจุฑาธุชราชฐาน ครบ 131 ปี มีพิธีบำเพ็ญกุศลอุทิศถวาย และการปล่อยสัตว์น้ำลงสู่ทะเล

2) งานวันปิยมหาราช มีพิธีบวงสรวงถวายราชสักการะ พิธีวางพวงมาลา โดยมีนิสิตจากโครงการจุฬาฯ-ชนบท นำถวายบังคม ร่วมด้วยส่วนราชการ ทหาร ตำรวจ โรงเรียนและชุมชนหมู่บ้านต่าง ๆ เข้าร่วมประมาณ 30 หน่วยงาน และการปล่อยสัตว์น้ำลงสู่ทะเล

3) โครงการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ท้องถิ่นรุ่นที่ 15 หรือการอบรมยุวมัคคุเทศก์ โดยนำนักเรียนจากโรงเรียนในท้องถิ่นมาเข้าค่ายอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของพระราชวัง และโบราณสถานภายในบริเวณ เพื่อสร้างความภาคภูมิใจในประวัติศาสตร์ท้องถิ่น และปีนี้ได้ร่วมกับสถาบันวิจัยทรัพยากรทางน้ำ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพิ่มเติมการอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับการอนุรักษ์และดูแลรักษาทรัพยากรทางทะเล ทั้งนี้ เยาวชนที่ผ่านการทดสอบยังสามารถสร้างรายได้เสริมโดยปฏิบัติหน้าที่ผู้นำชมแก่นักท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดอีกด้วย

4) โครงการพระจุฑาธุชสัญจร ครั้งที่ 13 พานักเรียนจากโรงเรียนในเกาะสีชัง ไปทัศนศึกษา ณ จังหวัดจันทบุรี เพื่อการเรียนรู้ด้านพิพิธภัณฑ์และบริบททางวัฒนธรรมที่น่าสนใจ

5) กิจกรรมวันวิสาขะบุรณมี ในวันวิสาขบูชา ณ เจดีย์อุโบสถวัดอัษฎางคนิมิตร และการจัดการประกวดโคมประดิษฐ์จากวัสดุเหลือใช้ เพื่อดำเนินตามพระราชกรณียกิจของรัชกาลที่ 5 และรักษาประวัติศาสตร์สำคัญของเกาะสีชังไว้สืบไป

นอกจากนี้ พิพิธภัณฑ์ฯ ยังได้เข้าร่วมโครงการวิจัยและสนับสนุนโครงการพัฒนาคุณภาพชีวิตชาวเกาะสีชัง ซึ่งดำเนินการโดยคณาจารย์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จำนวน 2 โครงการ คือ (1) โครงการไทยอารี ปีที่ 2 เน้นการพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้สูงอายุ ด้วยการฝึกอาชีพเพื่อสร้างรายได้ ให้ความรู้ด้านเทคโนโลยีในการสื่อสาร เป็นต้น (2) โครงการการจัดการทุนทางธรรมชาติและทุนทางวัฒนธรรมของเกาะสีชังเพื่อเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นการสนับสนุนและกระตุ้นการสร้างรายได้ด้วยการพัฒนาสินค้าและผลผลิตทั้งด้านอาหาร หัตถกรรมท้องถิ่น และสินค้าที่คัดสรรของชุมชน โดยให้พื้นที่ ออกแบบผลิตภัณฑ์ บริหารการจำหน่ายให้มีประสิทธิภาพและตรงกับความต้องการของนักท่องเที่ยวและกลุ่มเป้าหมายในปัจจุบัน

พิพิธภัณฑ์พระจุฑาธุชราชฐาน เกาะสีชัง

การเข้าชม
เปิดทำการวันอังคาร ถึง วันอาทิตย์ ไม่เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ (ปิดเฉพาะวันจันทร์)
เวลา 9.00-17.00 น.
โทร. 038-216-416
ไม่เก็บค่าเข้าชมสถานที่
https://www.facebook.com/phrachudadhuj

การเดินทางไปเกาะสีชัง
โดยสารเรือที่ท่าเรือเกาะลอย ศรีราชา
ใช้เวลาราว 45 นาที ค่าโดยสารคนละ 50 บาท

การเดินทางบนเกาะสีชัง
รถสามล้อสกายแล็ป เที่ยวรอบเกาะ 250 บาท/คัน   
รถสองแถว เที่ยวรอบเกาะ 500 บาท/คัน   
รถมอเตอร์ไซค์ให้เช่า ไม่ค้างคืน 250 ค้างคืน 300 บาท

ที่พักบนเกาะสีชัง
ราคาตั้งแต่ 500 -12,000 บาท/คืน