พิพิธภัณฑ์มหาวิทยาลัยเป็นแหล่งเรียนรู้ แหล่งข้อมูลที่เผยแพร่ถึงเกียรติภูมิจุฬาฯ ที่แสดงถึงการพัฒนาไปพร้อมกับสังคม โดยใช้รูปแบบการนำเสนอที่ทันสมัย แสดงเรื่องราวต่าง ๆ ที่ทรงคุณค่า ทั้งด้านประวัติศาสตร์ องค์ความรู้ทางวิชาการต่างๆ ของมหาวิทยาลัย มาเผยแพร่สู่ประชาคมจุฬาฯ และสาธารณชน อีกทั้งยังเป็นสถานที่สำหรับให้นิสิต บุคลากรใช้พื้นที่สำหรับการศึกษาตามอัธยาศัย สนับสนุนการเรียนการสอน รวมทั้งเป็นศูนย์กลางระหว่างพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัย

ความร่วมมือระหว่างพิพิธภัณฑ์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ยังประโยชน์เท่าทวีคูณ

พิพิธภัณฑ์และหอศิลป์ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีจำนวน 23 แห่ง โดยแต่ละแห่งล้วนเป็นคลังข้อมูลความรู้ที่มีลักษณะเฉพาะ ควรค่าแก่การเผยแพร่ให้สังคมได้รับชม ซึ่งพิพิธภัณฑ์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีวิสัยทัศน์ในการเป็นพิพิธภัณฑ์ศูนย์กลางของมหาวิทยาลัยและมีพื้นที่ขนาดใหญ่ และมีศักยภาพในการเผยแพร่แก่สาธารณชน และเพื่อเป็นการสร้างเครือข่ายระหว่างหอศิลป์และพิพิธภัณฑ์ต่าง ๆ อีกทั้งยังเป็นการจัดนิทรรศการเคลื่อนที่ให้แก่พิพิธภัณฑ์อื่น ๆ จึงเกิดโครงการความร่วมมือระหว่างพิพิธภัณฑ์ในมหาวิทยาลัยขึ้น ในครั้งแรกนี้ เป็นความร่วมมือกับภาควิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ ศูนย์เครือข่ายการเรียนรู้เพื่อภูมิภาค และพิพิธภัณฑสถานธรรมชาติวิทยาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย  จัดทำนิทรรศการ “กายวิจิตร” ซึ่งมีเนื้อหาด้านวิทยาศาสตร์ผนวกกับการนำเสนอทางด้านศิลปะ

นิทรรศการ “กายวิจิตร” (Clearing and Staining) นำความรู้ทางวิทยาศาสตร์ผนวกการสร้างสรรค์ทางศิลปะสู่การพัฒนาการอย่างยั่งยืน

นิทรรศการ “กายวิจิตร” มีรูปแบบนิทรรศการทางวิทยาศาสตร์ผนวกกับงานศิลปะ นำเสนอสิ่งมีชีวิตที่ผ่านกระบวนการการดองใสและย้อมสี (Clearing and Staining) ซึ่งเป็นที่รู้จักเฉพาะในวงการของวิทยาศาสตร์  ดังนั้นเพื่อเป็นการเผยแพร่องค์ความรู้ดังกล่าวให้เป็นที่รู้จักในวงกว้าง จึงมีการนำตัวอย่างของการดองใสและย้อมสิ่งมีชีวิตหลากหลายชนิด รวมทั้งตัวอย่างการดองเขียวของพืช นำมาจัดแสดงสู่สาธารณชน

นิทรรศการครั้งนี้ใช้องค์ความรู้จากการเรียนการสอนด้านวิทยาศาสตร์ภายในห้องเรียนมาเผยแพร่ด้วยวิธีการจัดแสดงแบบนิทรรศการศิลปะ ซึ่งมีทั้งความรู้และความสวยงาม เพื่อให้สาธารณชนสามารถเข้าถึง เข้าชม และเกิดความเข้าใจได้ง่ายขึ้น ส่งเสริมให้ผู้สนใจเกิดการเรียนรู้ ก่อให้เกิดแรงบันดาลใจ และมุมมองที่มีต่อศิลปะและวิทยาศาสตร์ว่าไม่ใช่เรื่องที่ไกลตัว เป็นเรื่องที่น่าสนใจและควรศึกษาหาความรู้ นับเป็นกระบวนการสร้างสรรค์การพัฒนาทางวิทยาศาสตร์ ผสมผสานงานศิลปะ ทำให้เกิดการพัฒนาของศาสตร์ทั้งสองแขนงอย่างยั่งยืน