๑๐๐ เรื่องจามจุรี ๑๐๐ ปีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ดอกผลจามจุรี
ปูชนียบุคคล
คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์
อาจารย์นารถ โพธิประสาท ได้รับทุนจากกระทรวงธรรมการไปศึกษาวิชาสถาปัตยกรรม ณ ประเทศอังกฤษ และได้รับปริญญาสถาปัตยกรรมศาสตรบัณฑิตเกียรตินิยมอันดับ ๑ ด้านการก่อสร้างจากมหาวิทยาลัยลิเวอร์พูลเป็นผู้เริ่มวางหลักสูตรการศึกษาวิชาสถาปัตยกรรมในประเทศไทย โดยเริ่มครั้งแรกที่โรงเรียนเพาะช่าง หลังจากนั้นกระทรวงธรรมการได้โอนการสอนวิชาสถาปัตยกรรมไปเป็นแผนกวิชาสังกัด คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยใน พ.ศ.๒๔๗๕ ซึ่งต่อมาได้เปลี่ยนสถานะเป็นแผนกอิสระและคณะตามลำดับ จึงนับได้ว่าอาจารย์นารถ โพธิประสาทเป็นผู้วางรากฐานการศึกษาด้านสถาปัตยกรรมระดับปริญญาแห่งแรกของประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้งสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ และเคยดำรงตำแหน่งนายกสมาคมด้วย
คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์
รองศาสตราจารย์แสงอรุณ รัตกสิกร จบการศึกษาสถาปัตยกรรมศาสตรบัณฑิตจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยหลังจากนั้นได้เข้ารับราชการเป็นอาจารย์ในคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และได้รับทุนก.พ.ไปศึกษาต่อระดับมหาบัณฑิตที่มหาวิทยาลัยคอร์แนลประเทศสหรัฐอเมริการ รวมทั้งได้มีโอกาสฝึกงานกับแฟรงค์ ลอยด์ไรท์ สถาปนิกอเมริกันผู้ยิ่งใหญ่ระยะหนึ่งด้วย นอกจากการเป็นสถาปนิกและอาจารย์แล้ว ยังเป็นศิลปินที่มีความสามารถหลายแขนง เป็นทั้งจิตรกรประติมากร และนักเขียน ผลงานเขียนที่มีชื่อเสียงเล่มหนึ่ง คือ “แสงอรุณ ๒” ซึ่งเป็น ๑ ในหนังสือ ๑๐๐ เล่มที่คนไทยควรอ่าน
คณะสหเวชศาสตร์
ศาสตราจารย์นายแพทย์เชวง เดชะไกศยะ เป็นบุคคลสำคัญผู้วางรากฐานวิชาเทคนิคการแพทย์ในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยตั้งแต่เมื่อครั้งยังสังกัดคณะเทคนิคการแพทย์มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ โดยได้ดำรงตำแหน่งรองคณบดีหัวหน้าภาควิชาคลินิคัลไมโครสโคปี และเป็นผู้ดูแลบริหารงานคณะเทคนิคการแพทย์ส่วนที่ตั้งอยู่ในโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ซึ่งต่อมาได้โอนมาเป็นภาควิชาเวชศาสตร์ชันสูตรในคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและปรับเปลี่ยนเป็นภาค วิชาเทคนิคการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ จวบจนแยกออกมาเป็นคณะคือ คณะสหเวชศาสตร์ตามลำดับ ซึ่งนับว่าเป็นคณะสหเวชศาสตร์แห่งแรกของประเทศไทย
คณะสหเวชศาสตร์
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ปิยพร ณ นคร เป็นคณบดีคนแรกของคณะสหเวชศาสตร์ เริ่มรับราชการที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๒๑ ในตำแหน่งอาจารย์ระดับ ๔ ภาควิชาเวชศาสตร์ชันสูตร ซึ่งขณะนั้นสังกัดคณะแพทยศาสตร์ จนกระทั่งในพ.ศ.๒๕๓๕ ได้ดำรงตำแหน่งคณบดีคณะสหเวชศาสตร์ภายหลังจากที่ภาควิชาเทคนิคการแพทย์ คณะแพทยศาสตร์ได้เปลี่ยนสถานะมาเป็นคณะสหเวชศาสตร์โดยดำรงตำแหน่งคณบดีระหว่าง พ.ศ.๒๕๓๕-๒๕๔๓
คณะวิทยาศาสตร์
ศาสตราจารย์ ดร.แถบ นีละนิธิ ได้รับทุนเล่าเรียนหลวงไปศึกษาที่ประเทศอังกฤษ จบวิทยาศาสตรบัณฑิตสาขาเคมีมาตรฐานชั้นสูงจากมหาวิทยาลัยลิเวอร์พูลและศึกษาต่อขั้น Honours School จนได้รับปริญญาวิทยาศาสตรบัณฑิต เกียรตินิยมอันดับ ๑ สาขาวิชาเคมี หลังจากนั้นได้รับทุนจากมูลนิธิร็อกกี้เฟลเลอร์ไปศึกษาต่อที่มหาวิทยาลัยคอร์เนลล์ประเทศสหรัฐอเมริกาจนจบปริญญาเอกเข้ารับราชการเป็นอาจารย์ที่คณะอักษรศาสตร์และวิทยาศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และได้ดำรงตำแหน่งบริหารที่สำคัญ คือคณบดีคณะวิทยาศาสตร์ คณบดีบัณฑิตวิทยาลัย อธิการบดี และนายกสภามหาวิทยาลัยนอกจากนี้ยังได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นราชบัณฑิตในสำนักวิทยาศาสตร์ ราชบัณฑิตยสถานด้วย
คณะวิทยาศาสตร์
ศาสตราจารย์ ดร.คลุ้ม วัชโรบล เคยศึกษาในคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย แต่ได้รับทุนไปศึกษาต่อที่ประเทศอังกฤษ จึงจบการศึกษาระดับปริญญาตรี-เอก จากมหาวิทยาลัยลอนดอน จากนั้นได้เข้ารับราชการเป็นอาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๗๘ เป็นผู้มีความรู้ทางด้านชีววิทยาอย่างดียิ่งคนหนึ่ง และเป็นผู้บุกเบิกการเขียนตำราเรียนทางด้านชีววิทยาในประเทศไทย ใน พ.ศ.๒๘๘๕ ได้รับการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งเป็นราชบัณฑิตในวิชาวิทยาศาสตร์ชีวภาพ นับว่าเป็นราชบัณฑิตในสำนักวิทยาศาสตร์รุ่นแรก รวมทั้งได้รับพระราชทานปริญญาวิทยาศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยใน พ.ศ.๒๕๑๐ ด้วย
คณะพยาบาลศาสตร์
รองศาสตราจารย์สมคิด รักษาสัตย์ จบการศึกษาพยาบาลศาสตรบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยบอสตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา และครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาบริหารการศึกษา จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเข้ารับราชการในตำแหน่งอาจารย์โทคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยใน พ.ศ.๒๕๑๑ และได้ดำรงตำแหน่งคณบดีคนแรกของคณะพยาบาลศาสตร์เมื่อภาควิชาพยาบาลศึกษา คณะครุศาสตร์ ได้ยกฐานะขึ้นเป็นคณะพยาบาลศาสตร์ใน พ.ศ.๒๕๓๑
คณะพยาบาลศาสตร์
ศาสตราจารย์ ดร.ประนอม โอทกานนท์ จบการศึกษาวิทยาศาสตรบัณฑิต (พยาบาล) ครุศาสตรบัณฑิต (มัธยมศึกษา) วิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (การพยาบาล) และการศึกษาดุษฎีบัณฑิต (การวิจัยและพัฒนาหลักสูตร) เข้ารับราชการใน พ.ศ.๒๕๐๘ เป็นผู้ทรงคุณวุฒิทางด้านพยาบาลศาสตร์ และมีผลงานด้านวิชาการมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการพยาบาลผู้สูงอายุ
คณะวิศวกรรมศาสตร์
ศาสตราจารย์พระเจริญวิศวกรรม (เจริญ เชนะกุล) ได้รับพระราชทานทุนเล่าเรียนหลวงไปศึกษาที่ประเทศอังกฤษ แต่ด้วยสถานการณ์สงครามโลกครั้งที่ ๑ จึงย้ายไปศึกษาต่อที่ประเทศสหรัฐอเมริกา จบการศึกษาสาขาวิศวกรรมโยธาที่มหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียเบิร์กลีย์ เข้ารับราชการเป็นอาจารย์ในคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๖๒ และต่อมาได้ดำรงตำแหน่งคณบดีใน พ.ศ.๒๔๗๒ โดยเป็นคณบดีที่ดำรงตำแหน่งนานที่สุด ได้รับยกย่องว่าเป็นปรมาจารย์ หรือครูใหญ่ของเหล่าช่างทั้งปวง ตลอดจนเป็นผู้วางรากฐานให้แก่วงการวิศวกรรมศาสตร์ของไทย รวมทั้งได้รับการยกย่องเป็นวิศวจุฬากิตติคุณอาวุโสดีเด่นครั้งที่ ๑
คณะวิศวกรรมศาสตร์
ศาสตราจารย์ ดร.อรุณ สรเทศน์ จบการศึกษาวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิศวกรรมโยธาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสาขาวิศวกรรมสุขาภิบาลจากมหาวิทยาลัยเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ ต่อมาได้ศึกษาต่อหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต และวิศวกรรมศาสตรดุษฎีบัณฑิต จากมหาวิทยาลัย เชฟฟิลด์ ประเทศอังกฤษ ดำรงตำแหน่งสำคัญในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คือ คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์และอธิการบดี รวมทั้งได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัยของรัฐ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมด้วย เป็นหนึ่งในวิศวกรที่สร้างคุณประโยชน์ให้แก่ ประเทศชาติมากมาย จึงได้รับการยกย่องเป็นวิศวจุฬากิตติคุณอาวุโสดีเด่น ครั้งที่ ๑
คณะสัตวแพทยศาสตร์
ศาสตราจารย์พันโทหลวงชัยอัศวรักษ์ (ไชย แสงชูโต) ได้รับการศึกษาจากโรงเรียนนายร้อยทหารบก รวมทั้งการศึกษาดูงานในประเทศอังกฤษ และได้รับปริญญาสัตวแพทยศาสตร์ มีบทบาทสำคัญในการวางรากฐานการศึกษาด้านสัตวแพทยศาสตร์ในประเทศไทย คือ เป็นผู้ร่วมจัดตั้งแผนกอิสระสัตวแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งถือว่าเป็นการศึกษาวิชาสัตวแพทยศาสตร์ระดับปริญญาในสถาบันการศึกษาของพลเรือนเป็นครั้งแรกในประเทศไทย และต่อมาใน พ.ศ.๒๔๘๑ ได้ดำรงตำแหน่งคณบดีคนแรกของคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
คณะนิติศาสตร์
ศาสตราจารย์ ดร.ประยูร กาญจนดุล จบการศึกษาเนติบัณฑิต โรงเรียนกฎหมายกระทรวงยุติธรรม และคณะนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เคยดำรงตำแหน่งสำคัญต่างๆ อาทิ อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ สมาชิกวุฒิสภา และนายกราชบัณฑิตยสถาน รวมทั้งมีผลงานหนังสือ ตำรา และบทความทางวิชาการต่างๆ ที่เกี่ยวกับกฎหมายปกครองและเศรษฐศาสตร์จำนวนมากนอกจากนี้ยังเป็นคณบดีคนแรกของคณะนิติศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยใน พ.ศ.๒๕๑๕ ด้วย
คณะนิติศาสตร์
ศาสตราจารย์ ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน จบการศึกษาดุษฎีบัณฑิตทางกฎหมายจากมหาวิทยาลัย ปารีส ประเทศฝรั่งเศส ดำรงตำแหน่งคณบดีคณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยระหว่าง พ.ศ.๒๕๑๕-๒๕๒๑ นอกจากนี้ยังได้ดำรงตำแหน่งสำคัญอื่นๆ อีกมาก อาทิ ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ประธานวุฒิสภาประธานรัฐสภา ประธานคณะกรรมการอิสระเพื่ออำนวยความยุติธรรมและเสริมสร้างสิทธิเสรีภาพในจังหวัดชายแดนภาคใต้ กรรมการสภากาชาดไทย และ ประธานพีระยานุเคราะห์มูลนิธิในพระอุปถัมภ์ของสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี
คณะอักษรศาสตร์
ศาสตราจารย์รอง ศยามานนท์ ได้รับปริญญา B.A.Hons. ทางด้านประวัติศาสตร์ Diploma in Education และ M.A. จากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ประเทศอังกฤษ ได้รับ Certificat d’Etudes Françaises จากมหาวิทยาลัยเกรอโนบล์ ประเทศฝรั่งเศสและได้รับปริญญาอักษรศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รับราชการในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๗๘ จนเกษียณอายุราชการ เคยดำรงตำแหน่งสำคัญต่างๆ อาทิ หัวหน้าแผนกวิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ คณบดีคณะอักษรศาสตร์ และเลขาธิการจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นอกจากนี้ยังเคยรักษาการในตำแหน่งต่างๆ อีกหลายวาระ คือรักษาการแทนคณบดีคณะรัฐศาสตร์ คณบดีคณะครุศาสตร์ คณบดีคณะเศรษฐศาสตร์ รวมทั้งรักษาการแทนอธิการบดีและคณบดีบัณฑิต วิทยาลัยด้วย
คณะอักษรศาสตร์
ศาสตราจารย์ มล.จิรายุ นพวงศ์ จบการศึกษาอักษรศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยม) จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากนั้นได้ศึกษาต่อทางด้านภาษาบาลีและสันสกฤตที่ประเทศอังกฤษจนได้รับปริญญามหาบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ รวมทั้งได้รับปริญญามหาบัณฑิตทางด้านภาษาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ประเทศสหรัฐอเมริกาด้วย นอกจากการเป็นอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญ ด้านภาษาบาลีและสันสกฤตของคณะอักษรศาสตร์แล้ว ยังได้ดำรงตำแหน่งสำคัญอื่นๆ ทั้งทางด้านบริหารและวิชาการอีกหลายตำแหน่ง เช่น คณบดีคณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการประธานคณะกรรมการแผนกอักษรศาสตร์ มูลนิธิอานันทมหิดล อีกทั้งได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งองคมนตรีด้วย
คณะเศรษฐศาสตร์
ศาสตราจารย์ ดร.ประชุม โฉมฉาย เป็นนักวิชาการที่มีชื่อเสียงทั้งทางด้านรัฐศาสตร์ นิติศาสตร์ และเศรษฐศาสตร์ จบการศึกษาระดับปริญญาบัณฑิตและมหาบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ประเทศอังกฤษ และปริญญาดุษฎีบัณฑิตทางด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยปารีส ประเทศฝรั่งเศส เคยดำรงตำแหน่งหัวหน้าแผนกวิชาการคลัง คณะรัฐศาสตร์ และมีส่วนสำคัญในการรวมแผนกวิชาการคลัง คณะรัฐศาสตร์และแผนกวิชาเศรษฐศาสตร์ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชีเพื่อตั้งคณะเศรษฐศาสตร์ขึ้นในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นคณบดีคนแรกของคณะเศรษฐศาสตร์ใน พ.ศ.๒๕๑๓
คณะเศรษฐศาสตร์
ศาสตราจารย์ปัจจัย บุนนาค จบการศึกษาบัญชีบัณฑิตจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยต่อมาได้รับปริญญามหาบัณฑิตสาขาเศรษฐศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแวนเดอร์บิลท์และประกาศนียบัตร ด้านการตลาดจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ประเทศสหรัฐอเมริกา เริ่มเข้ารับราชการเป็นอาจารย์ในแผนกวิชาเศรษฐศาสตร์ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี และเป็นกำลังสำคัญในการริเริ่มและจัดตั้งคณะเศรษฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รวมทั้งส่งเสริมการศึกษาสาขาเศรษฐศาสตร์ในสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษาโดยทั่วไปด้วย
คณะนิเทศศาสตร์
ศาสตราจารย์บำรุงสุข สีหอำไพ จบการศึกษาระดับปริญญามหาบัณฑิต สาขาโสตทัศนศึกษา เป็นเสมือน “ครูผู้สร้าง” คณะนิเทศศาสตร์ เพราะเป็นผู้บุกเบิกการเรียนการสอนและเป็นกำลังสำคัญในการจัดตั้งแผนกอิสระสื่อสารมวลชนและการประชาสัมพันธ์ขึ้นในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งต่อมาคือคณะนิเทศศาสตร์ รวมทั้งเป็นคณบดีคนแรกด้วย ตลอดชีวิตการทำงานได้อุทิศตนต่อการก่อสร้างรากฐานและพัฒนาคณะนิเทศศาสตร์ให้มีความมั่นคงจนเป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและนานาประเทศ
คณะนิเทศศาสตร์
ศาสตราจารย์ ดร.สุรพล วิรุฬห์รักษ์ จบการศึกษาสถาปัตยกรรมศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยม) จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ต่อมาได้รับปริญญามหาบัณฑิตทางด้านสถาปัตยกรรมและศิลปะการ แสดงจากมหาวิทยาลัยวอชิงตัน และดุษฎีบัณฑิตสาขาศิลปะการแสดงจากมหาวิทยาลัยฮาวาย ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการแสดงที่มีผลงานทั้งด้านวิชาการและบริหารมากมาย ผลงานและตำแหน่งสำคัญ อาทิ คณบดีคณะนิเทศศาสตร์และคณบดีคณะศิลปกรรมศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ราชบัณฑิตสาขาวิชานาฏกรรม สำนักศิลปกรรมราชบัณฑิตยสถาน รวมทั้งได้รับรางวัลนักวิจัยดีเด่นแห่งชาติสาขาปรัชญาใน พ.ศ.๒๕๔๖ ด้วย
คณะทันตแพทยศาสตร์
ศาสตราจารย์ พันเอกหลวงวาจวิทยาวัฑฒน์ ได้รับพระราชทานทุนเล่าเรียนหลวงไปศึกษา วิชาแพทยศาสตร์ ณ ประเทศสหรัฐอเมริกา ภายหลังที่สำเร็จการศึกษาได้รับปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยซีราคิวส์แล้ว ได้ศึกษาวิชาทันตแพทยศาสตร์ต่อในมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย จนได้รับปริญญาทันตแพทยศาสตรบัณฑิต เป็นผู้บุกเบิกวิชาชีพทันตกรรมและเริ่มจัดตั้งโรงเรียนทันตแพทย์ระดับปริญญาเป็นครั้งแรกในประเทศไทย รวมทั้งได้ดำรงตำแหน่งเป็นคณบดีคนแรกของคณะทันตแพทยศาสตร์ด้วย
คณะทันตแพทยศาสตร์
ศาสตราจารย์ พันโทสี สิริสิงห จบการศึกษาทันตแพทยศาสตรบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยทุนพระราชทานจากสมเด็จพระมหิตลาธิเบศรอดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก และได้ร่วมกับศาสตราจารย์พันเอกหลวงวาจวิทยาวัฑฒน์ก่อตั้งคณะทันตแพทยศาสตร์รวมทั้งเคยดำรงตำแหน่งคณบดีคณะทันตแพทยศาสตร์ ตลอดจนเป็นทันตแพทย์ประจำพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและพระบรมวงศานุวงศ์ด้วย
คณะครุศาสตร์
ศาสตราจารย์ ท่านผู้หญิงพูนทรัพย์ นพวงศ์ ณ อยุธยา จบการศึกษาอักษรศาสตรบัณฑิตรุ่นแรกจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ต่อมาได้รับทุนไปศึกษาต่อด้านจิตวิทยาการศึกษาที่มหาวิทยาลัย มิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา และกลับมารับราชการเป็นอาจารย์ในคณะอักษรศาสตร์ เป็นผู้เห็นความสำคัญของการศึกษาด้านฝึกหัดครูระดับปริญญา จึงได้ก่อตั้งแผนกครุศาสตร์ขึ้นในคณะอักษรศาสตร์ และพัฒนาให้ก้าวหน้าจนยกระดับขึ้นเป็นคณะครุศาสตร์ใน พ.ศ.๒๕๐๐ ซึ่งท่านได้ดำรงตำแหน่งเป็นคณบดีคนแรก และเป็นคณบดีหญิงคนแรกของประเทศไทยด้วยตลอดชีวิตการรับราชการ ได้ทุ่มเทกำลังกายและสติปัญญาอย่างเต็มที่เพื่อสร้างรากฐานอันมั่นคงให้กับการศึกษาของประเทศโดยรวม
คณะจิตวิทยา
ศาสตราจารย์ ท่านผู้หญิงพูนทรัพย์ นพวงศ์ ณ อยุธยา จบการศึกษาอักษรศาสตรบัณฑิตรุ่นแรกจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ต่อมาได้รับทุนไปศึกษาต่อด้านจิตวิทยาการศึกษาที่มหาวิทยาลัย มิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการก่อตั้งคณะครุศาสตร์ขึ้นและมีนโยบาย สำคัญประการหนึ่ง คือ การจัดทำหลักสูตรที่สนองความต้องการของประเทศรวมทั้งหลักสูตรจิตวิทยาด้วย โดยการเปิดสอนหลักสูตรปริญญาโทและปริญญาเอกสาขาวิชาจิตวิทยาการศึกษาขึ้น ในคณะครุศาสตร์ นับเป็นหลักสูตรจิตวิทยารุ่นแรกของประเทศไทย โดยเฉพาะหลักสูตรปริญญาเอกนั้นนับว่าเป็นหลักสูตรระดับปริญญาเอกหลักสูตรแรกของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยด้วย
คณะรัฐศาสตร์
ศาสตราจารย์เกษม อุทยานิน เริ่มรับราชการในกระทรวงมหาดไทยและต่อมาย้ายมาเป็นอาจารย์คณะรัฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เคยดำรงดำรงตำแหน่งคณบดี คณะรัฐศาสตร์ ๒ วาระ รวมทั้งเป็นกรรมการสภามหาวิทยาลัยด้วยเป็นบุคคลสำคัญที่วางรากฐานและพัฒนาคณะรัฐศาสตร์
คณะรัฐศาสตร์
ศาสตราจารย์ ดร.เกษม สุวรรณกุล จบการศึกษารัฐศาสตรบัณฑิต(เกียรตินิยม) รุ่นที่ ๑ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ต่อมาได้รับปริญญามหาบัณฑิตทางด้านรัฐประศาสนศาสตร์และปริญญาดุษฎีบัณฑิตทางด้านการบริหารและปกครองจากมหาวิทยาลัยนิวยอร์ค ประเทศสหรัฐอเมริกา เคยดำรงตำแหน่งสำคัญในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คือ คณบดีคณะรัฐศาสตร์และอธิการบดีโดยได้ดำรงตำแหน่งอธิการบดีถึง ๔ สมัย รวม ๑๑ ปีเศษ นอกจากนี้ยังได้ดำรงตำแหน่งสำคัญในระดับชาติอีกมายมาย อาทิ เลขาธิการสภากาชาดไทยวุฒิสมาชิกรัฐมนตรีว่าการทบวงมหาวิทยาลัยรองนายกรัฐมนตรีและนายกสภามหาวิทยาลัยอีกหลายแห่ง
คณะแพทยศาสตร์
ศาสตราจารย์พลตรีพระยาดำรงแพทยาคุณ (ชื่นพุทธิแพทย์) จบการศึกษาแพทยศาสตร์จากประเทศอังกฤษ ในขณะที่ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองบรรเทาทุกข์และอนามัยสภากาชาด ไทยนั้น ได้มีบทบาทสำคัญในการร่วมก่อตั้งโรงเรียนแพทย์แห่งที่ ๒ ของมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ เพิ่มขึ้นที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ นอกเหนือจากโรงเรียนแพทย์แห่งแรกที่โรงพยาบาลศิริราช เพื่อเป็นการสนองพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลที่ทรงมีพระราชประสงค์ให้เพิ่มการผลิตแพทย์ให้เพียงพอกับความต้องการของประเทศด้วยเหตุนี้จึงได้ดำรงตำแหน่งคณบดี คนแรกของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์
คณะเภสัชศาสตร์
ศาสตราจารย์ ดร.ตั้วลพานุกรม จบการศึกษาระดับปริญญาดุษฎีบัณฑิตทางด้านเคมีจากมหาวิทยาลัยเบิร์น ประเทศสวิสเซอร์แลนด์จากนั้นได้ศึกษาวิชาเภสัชศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยมิวนิค ประเทศเยอรมนีและวิชาพฤกษศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยปารีส ประเทศฝรั่งเศส เป็นหนึ่งในสมาชิกก่อตั้งคณะราษฎรซึ่งทำการเปลี่ยนแปลงการปกครองใน พ.ศ.๒๔๗๕ เคยดำรงตำแหน่งสำคัญในทางราชการและการเมืองหลายตำแหน่ง รวมทั้งได้รับการยกย่องว่ามีคุณูปการอย่างสูงต่อวงการเภสัชศาสตร์ของประเทศไทย โดยได้ดำรงตำแหน่งหัวหน้าแผนกอิสระเภสัชศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งต่อมาคือคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์และ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยตามลำดับ นอกจากนี้ยังได้ริเริ่มให้จัดตั้งโรงงานเภสัชกรรมเพื่อผลิตยาใช้ภายในประเทศซึ่งปัจจุบันคือองค์การเภสัชกรรมกระทรวงสาธารณสุข
คณะศิลปกรรมศาสตร์
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ทรงคุณ อัตถากร จบการศึกษาสถาปัตยกรรมศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยม) จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และได้รับปริญญา MASTER OF FINE ARTS จากมหาวิทยาลัยอินเดียน่า ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเป็นคนไทยคนแรกที่ได้รับปริญญาเฉพาะด้านนี้นอกจากนี้ยังได้ผ่านการดูงานทางด้านศิลปกรรมและสถาปัตยกรรมจากหลายสถาบันรวมทั้งจากแฟรงค์ ลอยด์ไรท์สถาปนิกเอกของโลกด้วย เริ่มเข้ารับราชการในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในตำแหน่งอาจารย์ภาควิชาสถาปัตยกรรม คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ และต่อมาได้ดำรงตำแหน่งคณบดีคนแรกของคณะศิลปกรรมศาสตร์
นิสิตเก่า
คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์
ศาสตราจารย์อุปการคุณ เฉลิม รัตนทัศนีย์ จบการศึกษาสถาปัตยกรรมศาสตรบัณฑิต ในพ.ศ.๒๔๘๓ หลังจากนั้นได้เข้ารับราชการเป็นอาจารย์ในคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จนกระทั่งเกษียณอายุราชการในพ.ศ.๒๕๑๗ เป็นนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญประวัติศาสตร์สถาปัตยกรรมทั้งไทยและต่างประเทศ ได้อุทิศตนเพื่อการศึกษาทางด้านสถาปัตยกรรมมาโดยตลอด ผลงานสำคัญคือก่อตั้งภาควิชาศิลปประยุกต์ (ภาควิชาการออกแบบอุตสาหกรรมในปัจจุบัน) ในด้านวิชาชีพได้เคยดำรงตำแหน่งนายกสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์
คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์
หม่อมราชวงศ์ มิตรารุณ เกษมศรี จบการศึกษาอนุปริญญาสถาปัตยกรรมศาสตร์ในพ.ศ.๒๔๘๑ รับราชการในหลายหน่วยงาน คือ กรมโยธาเทศบาล กรมศิลปากรและ สำนักพระราชวัง รวมทั้งเป็นอาจารย์พิเศษสอนวิชาสถาปัตยกรรมไทยในคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และมหาวิทยาลัยศิลปากร ผลงานการออกแบบที่สำคัญ คือ พระตำหนักภูพิงค์ราชนิเวศน์ พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ ศาลาดุสิดาลัย เมรุหน้าพลับพลาอิสริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาสตลอดจนควบคุมการบูรณะปฏิสังขรณ์พระที่นั่งองค์ต่างๆ ในพระบรมมหาราชวังและวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เป็นต้น ด้วยผลงานต่างๆ นี้จึงได้รับการประกาศเกียรติคุณให้เป็นศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (สถาปัตยกรรม) ได้รับปริญญาสถาปัตยกรรมศาสตรดุษฎีบัญฑิตกิตติมศักดิ์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยรวมทั้งได้รับการยกย่องให้เป็นปูชนียบุคคลด้านสถาปัตยกรรมไทยจากคณะกรรมการวันอนุรักษ์มรดกไทยด้วย
คณะสหเวชศาสตร์
นายบุญช่วย เอี่ยมโภคลาภ จบการศึกษาวิทยาศาสตรบัณฑิต (เทคนิคการแพทย์) ใน พ.ศ.๒๕๒๐ และต่อมาได้รับปริญญาวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (อายุรศาสตร์เขตร้อน) จากมหาวิทยาลัยมหิดล รับราชการในสถาบันบำราศนราดูร กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข จนกระทั่งเกษียณอายุราชการ (ก่อนกำหนด) ในตำแหน่งนักเทคนิคการแพทย์ ชำนาญการพิเศษ หัวหน้ากลุ่มงานเทคนิคการแพทย์ เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาการศึกษาและการปฏิบัติงานทางด้านเทคนิคการแพทย์ทั้งในระดับ
ชาติและนานาชาติส่งผลให้ได้รับการยกย่องเป็นนักเทคนิคการแพทย์ดีเด่น ประจำปี พ.ศ.๒๕๕๑ จากสมาคมเทคนิคการแพทย์แห่งประเทศไทย และในปีเดียวกันได้รับการคัดเลือกเป็นข้าราชการพลเรือนดีเด่น ของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
คณะสหเวชศาสตร์
นางสาวทัศนีย์ สกุลดำรงพานิช จบการศึกษาวิทยาศาสตรบัณฑิต (เทคนิคการแพทย์) และวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต (จุลชีววิทยาทางการแพทย์) ใน พ.ศ.๒๕๒๐ และ ๒๕๓๙ ตามลำดับ ดำรงตำแหน่งสำคัญ คือรองผู้อำนวยการศูนย์บริการโลหิตสภากาชาดไทย เป็นผู้มีบทบาทในการวิจัยและพัฒนาการผลิตน้ำยาตรวจหมู่โลหิต และน้ำยาต่างๆ ที่ใช้ในงานธนาคารเลือดซึ่งต่อมาได้นำไปใช้ในธนาคารเลือดทั่วประเทศ ทำให้ประหยัดเงินในการนำเข้าผลิตภัณฑ์จากต่างประเทศเป็นจำนวนมากและส่งผลให้งานธนาคารเลือดในประเทศไทยได้มาตรฐานในระดับสูง จนทำให้องค์การอนามัยโลกส่งเจ้าหน้าที่บริการโลหิตในประเทศต่างๆ มาเข้ารับการฝึกอบรมเป็นประจำ รวมทั้งมีบทบาทในการช่วยก่อตั้งหรือพัฒนาศูนย์บริการโลหิตในประเทศอื่นๆด้วย
คณะวิทยาศาสตร์
ศาสตราจารย์ ดร.สตางค์ มงคลสุข จบการศึกษาวิทยาศาสตรบัณฑิต และวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาเคมีใน พ.ศ.๒๔๘๕ และ ๒๔๘๗ ตามลำดับ จากนั้นได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาเคมีอินทรีย์ จากมหาวิทยาลัยลิเวอร์พูล ประเทศอังกฤษใน พ.ศ.๒๔๙๓ เริ่มรับราชการเป็นอาจารย์ในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และต่อมาย้ายไปสังกัดมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ ดำรงตำแหน่งสำคัญๆ อาทิ คณบดีคณะวิทยาศาสตร์การแพทย์ มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ คณบดีคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล อธิการบดีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ เป็นต้นในด้านวิชาการ เป็นผู้เชี่ยวชาญการวิจัยทางด้านอินทรีย์เคมี รวมทั้งยาปฏิชีวนะและสารประกอบทางเคมีที่สกัดจากสมุนไพรของไทย
คณะพยาบาลศาสตร์
พันเอกหญิง คุณหญิงอัสนีย์เสาวภาพ จบการศึกษาครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาบริหารการพยาบาล ในพ.ศ.๒๕๒๐ ตำแหน่งงานสำคัญในสาขาการพยาบาล คือ ผู้อำนวยการวิทยาลัยพยาบาลกองทัพบก นายกสมาคมพยาบาลแห่งประเทศไทย และประธานชมรมพยาบาลสี่เหล่า เป็นต้น รวมทั้งได้รับการยกย่องประกาศเกียรติคุณหลายประการ คือ พยาบาลตัวอย่างจากสภากาชาดไทย พยาบาลดีเด่นจากสภาการพยาบาล ตลอดจนได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาพยาบาลศาสตร์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยใน พ.ศ.๒๕๔๗ ในทางสังคม ได้เคยดำรงตำแหน่งและได้รับการเชิดชูเกียรติในหลายวาระ อาทิ ประธานสภาสังคมสงเคราะห์แห่งประเทศไทย ประธานสภาสตรีแห่งชาติ นายกสมาคมแม่ดีเด่นแห่งชาตินักสังคมสงเคราะห์ดีเด่น และ อาสาสมัครดีเด่นแห่งชาติ เป็นต้น
คณะวิศวกรรมศาสตร์
นายเกษม จาติกวนิช จบการศึกษาวิศวกรรมศาสตรบัณฑิต สาขาวิศวกรรมไฟฟ้าและเครื่องกล ในพ.ศ.๒๔๘๙ และ ๒๔๙๐ ตามลำดับ จากนั้นได้ศึกษาต่อในระดับปริญญามหาบัณฑิตทางด้านไฟฟ้าพลังน้ำ ณ มหาวิทยาลัยยูทาห์ ประเทศสหรัฐอเมริกา และได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาเทคโนโลยี จากสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชียใน พ.ศ.๒๕๒๗ เริ่มรับราชการในกรมชลประทาน ต่อมาได้ย้ายมาปฏิบัติงานในการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยและได้รับตำแหน่งผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยคนแรก โดยอยู่ในตำแหน่งนี้ถึง ๑๐ ปี รวมทั้งยังเป็นกรรมการบริหารหน่วยงานต่างๆ อีกหลายแห่ง ในงานด้านการเมือง เคยดำรงตำแหน่งสำคัญ คือ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี จากบทบาทสำคัญเหล่านี้จึงทำให้ได้รับการยกย่องเป็น “วิศวจุฬากิตติคุณอาวุโสดีเด่น” ด้วย
คณะสัตวแพทยศาสตร์
นายสัตวแพทย์อลงกรณ์ มหรรณพ จบการศึกษาสัตวแพทยศาสตรบัณฑิตใน พ.ศ.๒๕๑๗ เป็นสัตวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเรื่องช้างและสัตว์ป่า ดำรงตำแหน่งสำคัญ คือ ผู้อำนวยการสวนสัตว์ดุสิต องค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยและนายสัตวแพทย์ช่วยราชการสำนักพระราชวัง ได้รับรางวัลสัตวแพทย์ดีเด่นจากสมาคมสัตวแพทย์ผู้ประกอบการบำบัดโรคสัตว์แห่งประเทศไทย สัตวแพทย์ตัวอย่างจากสัตวแพทยสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ และนิสิตเก่าดีเด่น สาขาผลงานด้านวิชาการ จากสมาคมศิษย์เก่าคณะสัตวแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี
รองศาสตราจารย์ คุณหญิงวรวรรณ ชัยอาญา จบการศึกษาบัญชีบัณฑิต และ บัญชีมหาบัณฑิต ใน พ.ศ. ๒๔๙๔ และ ๒๕๐๙ ตามลำดับ รับราชการเป็นอาจารย์ในคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจนเกษียณอายุราชการใน พ.ศ. ๒๕๓๐ ในตำแหน่งรองศาสตราจารย์ ระดับ๙และหลังจากนั้นได้ดำรงตำแหน่งเหรัญญิกสภากาชาดไทย
คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี
นายอำนวย วีรวรรณ จบการศึกษาพาณิชยศาสตรบัณฑิตใน พ.ศ.๒๔๙๕ จากนั้นได้ศึกษาต่อในระดับมหาบัณฑิตสาขาบริหารธุรกิจและเศรษฐศาสตร์ และระดับดุษฎีบัณฑิตสาขาบริหารธุรกิจ จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริกามีบทบาทสำคัญทางด้านการคลังของประเทศทั้งภาครัฐและเอกชน ตำแหน่งสำคัญในราชการ อาทิ อธิบดีกรมศุลกากร และปลัดกระทรวงการคลัง รวมทั้งเป็นประธานและกรรมการรัฐวิสาหกิจอีกหลายแห่ง ในภาคธุรกิจ เคยดำรงตำแหน่งสำคัญ คือ ประธานกรรมการบริหารธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) และประธานสมาคมนายธนาคารแห่งเอเชีย ในด้านการเมือง เคยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและรองนายกรัฐมนตรี
คณะนิติศาสตร์
นายไชยวัฒน์ บุนนาค จบการศึกษานิติศาสตรบัณฑิตใน พ.ศ.๒๕๑๑ จากนั้นได้รับปริญญานิติศาสตรมหาบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ประเทศสหรัฐอเมริกาใน พ.ศ.๒๕๑๕ เป็นนักกฎหมายผู้มีบทบาทสำคัญในหลายวงการ ทั้งในระดับชาติและนานาชาติ ตำแหน่งงานที่สำคัญ อาทิ Fellow of the Chartered Institute of Arbitrators (UK) และเป็นอนุญาโตตุลาการ ผู้ทรงคุณวุฒิของสถาบันดังกล่าวนายกสมาคมกฎหมายระหว่างประเทศแห่งประเทศไทย นายกสมาคมสถาบันอนุญาโตตุลาการ
ประธานหอการค้าไทย-เยอรมัน กรรมการพิจารณาปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนบริษัทและองค์กรทางธุรกิจ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เป็นต้น
คณะอักษรศาสตร์
ศาสตราจารย์ ดร. นิธิ เอียวศรีวงศ์ จบการศึกษาอักษรศาสตรบัณฑิตและอักษรศาสตรมหาบัณฑิตสาขาวิชาประวัติศาสตร์ และได้ศึกษาต่อในระดับดุษฎีบัณฑิตสาขาเดียวกันจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน ประเทศสหรัฐอเมริการับราชการในตำแหน่งอาจารย์ภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะมนุษยศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จนเกษียณอายุราชการ ได้ชื่อว่าเป็นนักประวัติศาสตร์ที่โดดเด่นที่สุดคนหนึ่ง รวมทั้งมีชื่อเสียงในฐานะนักคิดและนักเขียน เป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยเที่ยงคืนเพื่อเป็นช่องทางในการนำเสนอความรู้และวิพากษ์วิจารณ์สังคมไทย จากผลงานเหล่านี้จึงทำให้ได้รับรางวัลต่างๆ เช่น นักวิจัยดีเด่นสาขาปรัชญาจากสำนักงานนคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ รางวัลวัฒนธรรมเอเชีย ฟูกูโอกะ และรางวัลศรีบูรพา เป็นต้น
คณะเศรษฐศาสตร์
นางสุชาดา กิระกุล จบการศึกษาเศรษฐศาสตรบัณฑิต (เกียรตินิยมอันดับ ๑) และต่อมาได้รับปริญญาเศรษฐศาสตรมหาบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รวมทั้งวุฒิบัตร Hubert H. Humphrey Program จากมหาวิทยาลัยอเมริกัน และ Advanced Management Program จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินซึ่งดำรงตำแหน่งสำคัญๆ ในธนาคารแห่งประเทศไทย คือ ที่ปรึกษาผู้ว่าการรองผู้ว่าการด้านเสถียรภาพทางการเงิน รองผู้ว่าการด้านบริหาร และหัวหน้าสำนักงานตัวแทนธนาคารแห่งประเทศไทย ณ นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ตลอดจนเป็นคณะกรรมการที่ปรึกษาการลงทุนของสภากาชาดไทยด้วย
คณะนิเทศศาสตร์
นายโดม สุขวงศ์ จบการศึกษานิเทศศาสตรบัณฑิตใน พ.ศ.๒๕๑๗ เป็นนักวิชาการภาพยนตร์ผู้มีบทบาทสำคัญในการอนุรักษ์ภาพยนตร์ไทย และเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งหอภาพยนตร์แห่งชาติซึ่งต่อมาได้ปรับเปลี่ยนเป็นหอภาพยนตร์ (องค์การมหาชน) รวมทั้งได้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการหอภาพยนตร์ด้วย จากบทบาทนี้ทำให้ได้รับรางวัลประกาศเกียรติคุณหลายครั้ง อาทิ ได้รับรางวัล “แทนคุณแผ่นดิน” สาขาศิลปวัฒนธรรม รางวัลสุพรรณหงส์ทองคำเกียรติยศ สาขาผู้อนุรักษ์ฟิล์มและภาพยนตร์ไทย และศิษย์เก่านิเทศศาสตร์ดีเด่น เป็นต้น
คณะทันตแพทยศาสตร์
ศาสตราจารย์ พิเศษ พลโท พิศาล เทพสิทธา จบการศึกษาทันตแพทยศาสตรบัณฑิตใน พ.ศ.๒๕๐๐ และด้วยความเป็นผู้ใฝ่รู้ ต่อมาจึงได้จบการศึกษาสาขาอื่นอีกหลายสาขาจากหลายสถาบัน คือ พาณิชยศาสตร์และการบัญชี บริหารธุรกิจ นิติศาสตร์ และศึกษาศาสตร์ เป็นผู้เปี่ยมด้วยความรู้ความสามารถในวิชาชีพและการบริหารราชการ มีบทบาทสำคัญในการพัฒนามาตรฐานทันตแพทยศาสตร์ศึกษาของประเทศ ตำแหน่งงานที่สำคัญทั้งภาครัฐและเอกชน อาทิ รองเจ้ากรมแพทย์ทหารบก นายกทันตแพทยสภา นายกทันตแพทยสมาคมแห่งประเทศไทยฯ เป็นต้น ด้วยเหตุนี้จึงได้รับการประกาศเกียรติคุณยกย่องผลงานเป็นจำนวนมาก รวมทั้งได้รับปริญญาทันตแพทยศาสตรดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์พิเศษ สาขาวิชาทันตกรรมชุมชนคณะทันตแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยด้วย
คณะครุศาสตร์
นายโกมล คีมทอง จบการศึกษาครุศาสตรบัณฑิตสาขามัธยมศึกษาใน พ.ศ.๒๕๑๒ เป็นผู้ที่มีจิตวิญญาณของความเป็น “ครู” อย่างแท้จริง ให้ความสำคัญกับการศึกษาในฐานะที่เป็นหนทางของการสร้าง “ความคิด” มากกว่าการถ่ายทอดแต่เพียง “ความรู้” นอกจากนี้ยังเป็นผู้มีจิตสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมตั้งแต่ยังเป็นนิสิต เช่น จัดค่ายพัฒนาการศึกษาในชนบทในช่วงปิดภาคเรียน สนับสนุนกิจกรรมของชมรมปริทัศน์เสวนาในฐานะที่เป็นเวทีของการสร้างนิสิตให้มีอิสระทางคิด เป็นต้น เมื่อจบการศึกษาแล้วได้อุทิศตนไปเป็นครูในท้องถิ่นทุรกันดารที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี และถูกลอบยิงเสียชีวิตที่นี่ แต่ก็นับว่าได้ทำตามปณิธานแห่งชีวิตที่ยึดมั่นอยู่ตลอดเวลา คือ “จะขอเป็นครูตราบชั่วชีวิต”
คณะรัฐศาสตร์
ศาสตราจารย์พิเศษ ทองต่อกล้วยไม้ ณ อยุธยา จบการศึกษารัฐศาสตรบัณฑิต เป็นทั้งนักรัฐศาสตร์และผู้รอบรู้ทางด้านประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรม ทางด้านวิชาชีพได้ดำรงตำแหน่งสำคัญ คือ ปลัดกรุงเทพมหานคร กรรมการวินิจฉัยร้องทุกข์ คณะกรรมการกฤษฎีกา รวมทั้งเป็นอาจารย์พิเศษคณะรัฐศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยด้วย นอกจากนี้ยังมีผลงานค้นคว้าทางด้านประวัติศาสตร์และศิลปวัฒนธรรมเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังมีความสามารถในการใช้ภาษาไทยได้อย่างถูกต้อง จึงได้รับการยกย่องให้เป็นปูชนียบุคคลด้านภาษาไทยใน พ.ศ.๒๕๕๑
คณะรัฐศาสตร์
พลตำรวจเอกวสิษฐ เดชกุญชร จบการศึกษารัฐศาสตรบัณฑิต และได้ศึกษาต่อในหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต สาขาการบริหารการตำรวจที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์กประเทศสหรัฐอเมริกา รับราชการตำรวจในหลายหน่วยงาน ตำแหน่งงานที่สำคัญ คือ หัวหน้านายตำรวจราชสำนักประจำ และ รองอธิบดีกรมตำรวจฝ่ายกิจการพิเศษในด้านการเมือง เคยเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติสมาชิกวุฒิสภาและรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นอกจากนี้ยังเป็นนักเขียนนวนิยายเกี่ยวกับวงการตำรวจและอาชญากรรม โดยนำมาจากประสบการณ์จริงจนได้รับการเชิดชูเกียรติเป็นศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ใน พ.ศ.๒๕๔๑
คณะเภสัชศาสตร์
เภสัชกรหญิง ท่านผู้หญิง ปรียา เกษมสันต์ ณ อยุธยา จบการศึกษาเภสัชศาสตรบัณฑิตใน พ.ศ.๒๔๙๙ และศึกษาต่อระดับปริญญามหาบัณฑิต ณ วิทยาลัยเภสัชกรรมและวิทยาศาสตร์แห่งฟิลาเดเฟียประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นผู้เชี่ยวชาญองค์การอนามัยโลกด้านเภสัชตำรับสากล และการเตรียมการทางเภสัชกรรม (WHO Expert Advisory Panel on the International Pharmacopoeia and Pharmaceutical) ตำแหน่งสำคัญทางราชการ คืออธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา นอกจากนี้ยังเคยดำรงตำแหน่งทางการเมือง คือสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ รวมทั้งได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ สาขาเภสัชศาสตร์ จาก จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยใน พ.ศ.๒๕๒๙
สมเด็จเจ้าฟ้านิสิต
สำนึกที่ถูกปลูกฝังมา ถ้าจะเปรียบก็เหมือนกับสายธาราที่ไหลมาเรื่อยๆ บัดนี้เป็นอย่างไร และฉันได้ก่อกำไรให้แก่สังคมคุ้มกับที่สังคมลงทุนไปหรือเปล่า
พระราชดำรัส สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี หนังสือ ๗๐ ปีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รำลึกอดีต
สมเด็จเจ้าฟ้าผู้ทรงมุ่งมั่น ใฝ่ศึกษาตลอดเวลา
ผลแห่งการเรียน
อินทรวิเชียร ๑๑
ศึกษาวิชาไว้ ก็จะได้ประโยชน์ครัน
เพื่อช่วยประเทศพลัน จิตเราก็เปรมปรีดิ์
ความรู้ประโยชน์พร้อม เพราะถนอมสกนธ์ศรี
การเรียนจะให้ดี ผลเด่นขยันจง
ช่วยชาติและตนยัง จะประทังสกุลวงศ์
ไทยเราจะยืนยง เพราะประชาระลึกเรียน
พระราชนิพนธ์ในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ๑๑ กรกฎาคม ๒๕๑๔