การฝึกหัดร่างกาย และการกีฬาในสยามแต่เดิมนั้น ผูกพันอยู่กับการฝึกหัดนักรบ ศิลปป้องกันตัว หรือนาฎศิลป์ ซึ่งต้องใช้ร่างกายทั้งความอ่อนตัว และความแข็งแกร่งในการปฏิบัติ เวลาต่อมา ความสนใจในเรื่องการฝึกหัดร่างกาย ซึ่งส่งเสริมทั้งสุขภาพอนามัย และฝึกฝนจิตใจให้รู้จักน้ำใจนักกีฬานั้น เริ่มต้นครั้งแรกในรัชกาลที่ 5 เมื่อประกาศใช้หลักสูตรการศึกษาฉบับแรก ในพุทธศักราช 2441 ซึ่งกำหนดให้ผู้เรียนจะต้องเรียน“วิชากายกรรม” “วิชาดัดตน” ดังนั้น เพื่อให้สอดคล้องกับการจัดการเรียนการสอน “พลศึกษา” จึงเริ่มต้นไปพร้อมกันด้วยความอุทิศตนของ “เจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา) ขณะเป็น หลวงไพศาลศิลปศาสตร์ นักเรียนทุนหลวงของกระทรวงธรรมการที่ไปศึกษาวิชาครู ณวิทยาลัยฝึกหัดครูเบอโรโรด (Borough Road Collage) ประเทศอังกฤษ ทั้งการสอน การแต่งตำรา จนถึงส่งเสริมด้วยสื่อต่างๆ รวมถึงเพลง “กราวกีฬา” ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดี

โดยตำแหน่งในราชการของเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี เกี่ยวข้องกับการฝึกหัดครู การพลศึกษาจึงอยู่ในโรงเรียนฝึกหัดครูมานับแต่แรกตั้ง จนถึงในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงสนับสนุนการกีฬา เช่น ฟุตบอล เทนนิส และการฝึกหัดร่างกายเพื่อสุขภาพอนามัย ซึ่งได้ทอดพระเนตรและทรงปฏิบัติมาตั้งแต่ยังประทับศึกษาในอังกฤษ พระราชนิยมดังกล่าวส่งผลให้การพลศึกษาเจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น จนกระทั่งตั้ง “โรงเรียนพลศึกษากลาง” ในพุทธศักราช 2462

เมื่อคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดตั้งขึ้นเมื่อพุทธศักราช 2500 ในห้วงเวลาใก้ลเคียงกันนั้น กรมการฝึกหัดครูได้ส่งเสริมให้มีการผลิตบุคลากรพลศึกษาให้มากยิ่งขึ้น เพื่อทำการสอนในโรงเรียน คณะครุศาสตร์จึงได้จัดตั้ง “แผนกพลศึกษา” ในระดับปริญญาบัณฑิตขึ้น เมื่อพุทธศักราช 2502 การเรียนการสอนเกี่ยวกับการกีฬา นันทนาการ และสุขศึกษาพลศึกษาในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจึงเริ่มขึ้น

การพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับอนามัยของร่างกายเจริญก้าวหน้ายิ่งขึ้น “วิทยาศาสตร์สุขภาพ” เริ่มมีบทบาทสำคัญในด้านการกีฬา นันทนาการ และการเรียนการสอนสุขศึกษาพลศึกษา ในพุทธศักราช 2535 ภาควิชาพลศึกษา มีแนวคิดที่จะพัฒนาไปสู่ระดับคณะ ในชื่อ “คณะสุขศึกษาพลศึกษาและนันทนาการ” แต่เนื่องจากสภาวะทางด้านเศรษฐกิจของประเทศในขณะนั้น คณะกรรมการทบวงมหาวิทยาลัย จึงได้มีมติชะลอการจัดตั้งขึ้นเป็นคณะไว้ก่อน ถึงพุทธศักราช 2541 ทบวงมหาวิทยาลัยตระหนักถึงความสำคัญและจำเป็นเร่งด่วนในการผลิตบัณฑิตสาขาวิชาวิทยาศาสตร์การกีฬา จึงมีมติให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดำเนินการ “โครงการจัดตั้งคณะวิทยาศาสตร์การกีฬา” รวมทั้งมีมติให้บรรจุหลักสูตรวิทยาศาสตร์การกีฬา ในระดับปริญญาบัณฑิต สภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ก็ได้อนุมัติให้เปิดหลักสูตรวิทยาศาสตร์การกีฬา นำไปสู่การจัดตั้ง “สำนักวิชาวิทยาศาสตร์การกีฬา” อนุมัติจากสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2541 มีพันธกิจเช่นเดียวกับคณะต่าง ๆ ในมหาวิทยาลัย

สำนักวิชาวิทยาศาสตร์การกีฬา ได้พัฒนาหลักสูตรถึงระดับดุษฎีบัณฑิตในพุทธศักราช 2550 โดยแบ่งเป็น 3 แขนงวิชา คือ แขนงวิชาวิทยาการส่งเสริมสุขภาพ แขนงวิชาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการกีฬา และแขนงวิชาการบริหารจัดการกีฬาและนันทนาการ จนกระทั่งปีพุทธศักราช 2552 จึงได้เปลื่ยนชื่อเป็น “คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา” และสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดป้ายนามคณะ เมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2553

ปัจจุบัน คณะวิทยาศาสตร์การกีฬา เป็นแหล่งศึกษาวิจัยทางวิทยาศาสตร์ด้านการกีฬา และสร้างสรรค์องค์ความรู้ นวัตกรรมการออกกำลังกายชั้นนำแห่งเอเชีย ด้วยหลักสูตรระดับปริญญาบัณฑิตและระดับบัณฑิตศึกษา ที่มุ่งเน้นองค์ความรู้ อาทิ วิทยาศาสตร์การกีฬาและการออกกำลังกาย การส่งเสริมสุขภาพ และการจัดการกีฬา

ข้อมูลจาก หอประวัติจุฬาฯ
#หอประวัติจุฬาฯ #ChulaMemorialHall