๖๖
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยกับการแก้ไขปัญหาสังคมไทย: เหตุการณ์ธรณีพิบัติภัยสึนามิ
เช้าตรู่ของวันอาทิตย์ที่ ๒๖ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๔๗ ได้เกิดแผ่นดินไหวใต้ทะเลอย่างรุนแรงที่นอกชายฝั่งทางตะวันตกของเกาะสุมาตราส่งผลให้เกิดพิบัติภัยคลื่นยักษ์สึนามิครั้งร้ายแรง ทำความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สิน และคร่าชีวิตผู้คนไปกว่า ๒๘๐,๐๐๐ คน ในภูมิภาครอบมหาสมุทรอินเดีย เหตุการณ์นี้มีผลกระทบต่อประชาชนในจังหวัดทางฝั่งทะเลอันดามันของประเทศไทยถึง ๖ จังหวัดได้แก่ ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูลและเนื่องจากพื้นที่ที่เสียหายเหล่านี้เป็นแหล่งอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่สำคัญซึ่งสร้างรายได้จำนวนมหาศาลแก่ประเทศจึงส่งผลเสียต่อภาพรวมทางเศรษฐกิจของประเทศไทยอย่างมาก การเข้าช่วยเหลือและแก้ปัญหาเร่งด่วนโดยเฉพาะผลกระทบต่อชีวิต สุขภาพ และทรัพย์สิน เป็นสิ่งจำเป็นในลำดับแรก
หน่วยงานและบุคลากรจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้เข้าไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยทั้งการบรรเทาปัญหาเฉพาะหน้าอย่างเร่งด่วนในเขตภัยพิบัติและให้ความช่วยเหลือในระยะยาวหลังจากที่เหตุการณ์เฉพาะหน้าได้ผ่านพ้นไปแล้ว บทบาทของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในการช่วยเหลือและสนับสนุนการแก้ปัญหากรณีธรณีพิบัติภัยสึนามิครั้งนี้ ประกอบด้วย
๑. การสนับสนุนงานด้านบรรเทาทุกข์และบรรเทาสาธารณภัยในระยะเร่งด่วน คณะแพทยศาสตร์ ได้จัดส่งทีมแพทย์และพยาบาล (ดำเนินงานร่วมกับโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์และหน่วยงานในสังกัดสภากาชาดไทย) จำนวน ๑๑๗ คน เข้าร่วมทำการตรวจรักษา ผ่าตัด ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ ตลอดจนส่งต่อผู้ป่วยหนักเข้ามารับการรักษาต่อเนื่องที่โรงพยาบาลและร่วมมือในการตรวจพิสูจน์ศพและเอกลักษณ์บุคคลผู้เสียชีวิต อีกทั้งยังได้ส่งทีมทันตแพทย์เข้าให้บริการพิสูจน์เอกลักษณ์บุคคลโดยอาศัยหลักฐานทางฟันด้วย
ทางคณะพยาบาลศาสตร์และนิสิตปริญญาโทที่ศึกษาที่จังหวัดตรัง ได้ส่งทีมเข้าร่วมกับสถาบันอื่นๆ เพื่อช่วยเหลือด้านการส่งเสริมสุขภาพในพื้นที่ประสบภัย ส่วนทางด้านคณะนิเทศศาสตร์ ได้จัดตั้งศูนย์สารสนเทศเพื่อประสานงานในการให้ข้อมูลข่าวสารแก่ประชาชน ในระยะต่อมาคณะนิติศาสตร์ ได้ส่งอาจารย์และนิสิตเข้าร่วมกับบุคลากรจากกระทรวงยุติธรรมในการให้ความช่วยเหลือด้านกฎหมายและการจัดทำเอกสารทางราชการที่จำเป็น
๒. การสนับสนุนการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเห็นความจำเป็นและตระหนักถึงความสำคัญในการเข้าร่วมสนับสนุนการฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยมีความเห็นว่าน่าจะได้ถือโอกาสพลิกฟื้นฟูธรรมชาติที่เสียหายจากเหตุการณ์นี้ไปพร้อมๆกับการวางแผนจัดระเบียบเพื่อคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อันจะเป็นการส่งเสริมให้มีการพัฒนาในทุกๆด้านอย่างยั่งยืน พร้อมกับช่วยลดความเสี่ยงที่อาจจะเกิดความเสียหายจากปัจจัยอื่นๆในอนาคตด้วย
๓. การสนับสนุนการฟื้นฟูด้านชุมชนและเศรษฐกิจสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยตระหนักดีเช่นเดียวกันว่าภาวะทางเศรษฐกิจ สังคม สุขภาพ ที่ส่งผลต่อการดำรงชีวิตที่มีคุณภาพและมีศักดิ์ศรีของประชากรในพื้นที่ที่ได้รับภัยพิบัติจำเป็นต้องมีแผนการดำเนินงานบูรณะฟื้นฟูเชิงบูรณาการและครบวงจร และควรอยู่บนพื้นฐานของความรู้และข้อมูลที่มีการวางแผน บริหารจัดการอย่างเป็นระบบ อาจารย์และนิสิต พร้อมทั้งนักวิชาการจากหลากหลายสาขาที่เกี่ยวข้องของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจึงได้ร่วมมือจัดทำแผนปฏิบัติการฟื้นฟูในระยะยาวอย่างต่อเนื่อง และดำเนินการตามแผนงานดังกล่าวให้ครอบคลุมในหลายมิติ ทั้งสังคม เศรษฐกิจ สุขภาพกายและใจ ภาวะแวดล้อม เป็นต้น
๔. การประสานงานเพื่อขอรับความช่วยเหลือสนับสนุนจากนานาประเทศหรือองค์กรต่างประเทศ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้เข้าร่วมมือกับรัฐบาลในการเป็นแกนนำจัดทำโครงการเพื่อขอรับการสนับสนุนจากประเทศต่างๆ และองค์กรต่างประเทศที่แสดงความจำนงในการเข้าช่วยเหลือแก่ประชากรในพื้นที่ที่ได้รับภัยพิบัติ