“…ส่วนพระดำริของพระเจ้าพี่ยาเธอ กรมขุนชัยนาทนเรนทรนั้น ทรงตรึกตรองดำริรูปการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยไว้กว้างขวางยิ่งนัก ได้ทรงคิดโครงร่างเกี่ยวกับการบริหารของมหาวิทยาลัย เพื่อแก้ข้อขัดข้องที่มีอยู่ในเวลานั้น ได้ทรงคิดให้มี “สภาศาสตราจารย์ (Senate)” ขึ้น มีหน้าที่ที่ต้องทราบกิจการเกี่ยวกับมหาวิทยาลัยทุกอย่าง ทั้งทางธุรการ และวิชาการ ทรงคิดให้มีสภามหาวิทยาลัยประกอบด้วยผู้แทนอาจารย์ และผู้แทนกระทรวงทบวงกรมอื่นๆ เป็นสมาชิก เป็นสภาที่มีสิทธิ์ที่จะสอบถามและแสดงความเห็นติชมแนะนำได้ทุกประการ

ทรงเห็นว่า เพื่อความยั่งยืนของมหาวิทยาลัย สมควรขอรับพระราชทานที่ดิน ซึ่งเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยอันยังคงเป็นกรรมสิทธิ์ของพระคลังข้างที่ เป็นสิทธิ์ขาดแก่มหาวิทยาลัยเสีย

และนอกจากนั้นยังได้ทรงพระดำริเกี่ยวกับการที่จะจัดการศึกษาทั้งในคณะที่มีอยู่แล้วในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในบัดนั้น กับทั้งวิชาที่ควรจะสอนเพิ่มขึ้นในมหาวิทยาลัย เช่น “ธรรมศาสตร์ (Jurisprudence, Laws) วิชาเรื่องป่าไม้ (Forestry) วิชาเรื่องเหมืองแร่ (Mining) ศิลาศาสตร์ (Mineralalogy) โบราณคดี (Archaeology) ศิลปกรรมประณีต (Fine Arts) ดนตรี (Music)” เป็นต้น…”

(ตอนหนึ่งจาก “70 ปีจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย : กำเนิดจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย”)

ระลึกพระคุณผู้เกื้อหนุนจุฬาฯ
7 มีนาคม 2494 – 2563 โอกาส 69 ปีนับแต่วันสิ้นพระชนม์ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร
ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในรัชกาลที่ 9
อธิบดีกรมมหาวิทยาลัย
ประธานคณะกรรมการดำริรูปการจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ผู้ทรงเริ่มต้นความร่วมมือทางวิชาการกับมูลนิธิรอกกีเฟลเลอร์ และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

ข้อมูลจาก หอประวัติจุฬาฯ