นางสาวบุญปั๋น เทพสมบัติ(คุณหญิงบุญปั๋น เทพสมบัติ) ได้ถวายตัวรับใช้พระราชชายาตั้งแต่เยาว์วัย โดยมีคุณสมบัติทางการบ้านการเรือน ทั้งการเย็บปักถักร้อย เล่นดนตรี และอื่นๆ พระราชชายาฯจึงให้ทำหน้าที่เป็นต้นห้องของพระองค์ ภายหลังสมรสกับกับพระยาเทพสมบัติ

เจ้าบัวชุม ณ เชียงใหม่ เมื่อนับสาแหรกแล้วมีศักดิ์เป็นน้องของพระราชชายาเพราะเป็นลูกของเจ้าอา อายุอ่อนกว่าพระราชชายา 15 ปี เมื่ออายุ 7 ปีได้ถวายตัวเป็นข้าหลวงพระราชชายาที่วังหลวง สมรสกับเจ้าน้อยศุขเกษม ณ เชียงใหม่ และสมรสใหม่กับเจ้าไชยวรเชษฐ ต่อมาได้หย่างร้างและกลับมารับใช้พระราชชายาจนสิ้นพระชนม์ เจ้าบัวชุมเก่งด้านดนตรีมาก ภายหลังมาตั้งวงดนตรีในวังเจดีย์กิ่วที่เชียงใหม่

เจ้ายวงแก้ว สิโรรส ได้ไปอยู่กับพระราชชายาตั้งแต่อายุ 7 ขวบ พร้อมกับเจ้าบัวชุม

เจ้าทิพวรรณ (ณ เชียงใหม่) กฤดากร หรือเจ้าเส้า ผู้มีอัธยาศัยดี สติปัญญาฉลาดหลักแหลม สมรสกับพระองค์เจ้าบวรเดช นักการทูตไทย เจ้าเส้ามีความสามารถในการฟ้อน ลีลาอ่อนช้อยจนได้รับการยกย่องให้เป็นราชินีแห่งการฟ้อนรำของนครเชียงใหม่

แม่จันทร์บาน ข้าหลวงในพระราชชายา ทำหน้าที่ด้านพระภูษาห้องบรรทม

แม่เขียว แม่ปั๋น ตามเสด็จไปเป็นนางข้าหลวงในพระราชชายาตั้งแต่ยังสาว เป็นข้าหลวงคู่ทุกข์คู่ยากของพระราชชายา และภายหลังได้ตามเสด็จมาอยู่ที่วังเจดีย์กิ่วด้วย ทั้ฃสองท่านมีหน้าที่จีบหมาก จีบพลู เตรียมน้ำเสวยขึ้นโต๊ะเสวย

แม่มุ้ด นางข้าหลวงในพระราชชายา ทำหน้าที่เกล้าผม เก็บเครื่องทรงในห้องเก็บ หลังจากซักแล้ว จะพับแยกเสื้อ-ซิ่น เวลาท่านจะสรงน้ำก็จะเตรียมผ้าไว้ผลัดเปลี่ยน เสื้อซิ่นเตรียมใส่ขันคำ (พานทอง) ท่านสรงน้ำในห้องน้ำมีโต๊ะมุก ใช้วางสลุงเงินใบใหญ่มาก 2 ใบ ใบหนึ่งเป็นน้ำอุ่น อีกใบหนึ่งเป็นน้ำเย็น

ที่มาข้อมูล: พิเชษฐ ตันตินามชัย.เอกสารประกอบนิทรรศการเรื่องพระพี่เลี้ยง นางใน ข้าหลวง ในพระราชชายาเจ้าดารารัศมี วันที่ 8 ธันวาคม 2547

ข้อมูลจาก พิพิธภัณฑ์พระตำหนักดาราภิรมย์