พระญาพุทธวงส์เป็นบุตรลำดับที่ 1 ของนายพ่อเรือน ซึ่งเป็นน้องชายของเจ้าฟ้าชายแก้ว มีศักดิ์เป็นพระญาติ และยังเป็นบุคคลสำคัญในการช่วยเหลือกิจการบ้านเมืองเมื่อสมัยพระเจ้ากาวิละอีกด้วย คือการรวบรวมผู้คนให้เข้ามาอาศัยในเมืองเชียงใหม่ ในแผ่นดินของพระญาพุทธวงศ์ ชาวเชียงใหม่มักเรียกกันว่า “เจ้าหลวงแผ่นดินเย็น” เหตุที่เรียกเช่นนี้ก็เพราะไม่มีสงครามเกิดขึ้นในสมัยของท่านเลย และครองเมืองเชียงใหม่ยาวนานถึง 22 ปี
เมื่อเจ้าหลวงคำฟั่นถึงแก่พิราลัย บรรดาขุนนางอำมาตย์ก็ให้พระญาอุปราชพุทธวงศ์ครองเมืองเชียงใหม่ต่อจากพระญาคำฟั่น
ด้านการปกครองในยุคนี้ยังคงระเบียบแบบแผนอย่างในสมัยเจ้ากาวิละ คือใช้ระบบเจ้าขัน5ใบ และเค้าสนามหลวง
ด้านการค้าในสมัยนี้เริ่มมีการติดต่อกับต่างประเทศ และภายในประเทศมากขึ้น
ด้านการศึกษา ยังใช้ระบบที่เรียนกับวัด คือไม่ต่างจากในยุคแรกมากนัก แต่จะมีปริมาณของวัด ภิกษุและสามเณรเพิ่มมากขึ้น และมีการคัดลอกคัมภีร์ใบลานมากขึ้นด้วยตั้งแต่ยุคของพระเจ้ากาวิละถึงสิ้นสมัยเจ้าหลวงพุทธวงศ์ เชียงใหม่มีการเจริญเติบโตขึ้นเป็นอย่างมาก คือได้รับรู้ถึงชนชาติอื่นๆและการเปลี่ยนแปลงไปของโลกภายนอก มีความสัมพันธ์เชื่อมต่อกับอังกฤษ รู้จักการดำเนินงานด้านการบริหารที่ใช้สมองมากกว่าการรบ และเมื่อสิ้นสุดยุคของ “เจ้าสามพี่น้อง” ก็ถึงจุดเปลี่ยนแปลงจากการปกครองแบบโบราณ เข้าสู่การบริหารบ้านเมืองและการเศรษฐกิจของโลกปัจจุบัน
ด้านครอบครัว ไม่ปรากฏนางของเทวีเจ้าหลวงพุทธวงศ์ แต่มีหลักฐานว่าท่านมีบุตรรวม 9 ท่าน คือ
1.เจ้าหนานธนัญไชย (เป็นเจ้าราชบุตรเชียงใหม่)
2.เจ้าหนานปัญญา
3. เจ้าน้อยขี้งัว
4.เจ้าน้อยขี้ควาย
5.เจ้าน้อยขี้ช้าง
6.เจ้าหญิงเรือนคำ
7.เจ้าหน่อแก้ว
8.เจ้าศรีวรรณา
9.เจ้าหญิงสุนันทา
ที่มาข้อมูล
-คณะทายาทสายสกุล ณ เชียงใหม่ ร่วมกับสำนักส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม มหาวิทยาลัยเชียงใหม่. เจ้าหลวงเชียงใหม่. บ.อมรินทร์พริ้นติ้ง แอนด์ พับลิชชิ่ง จำกัด(มหาชน), 2539.
-กู่เจ้าหลวงนครเชียงใหม่.เอกสารที่ระลึกวันพิธีสักการะกู่เจ้าหลวงนครเชียงใหม่,2552.
ข้อมูลจาก พิพิธภัณฑ์พระตำหนักดาราภิรมย์